การทำให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตปกตินั่นแหละคือสิ่งที...

การทำให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตปกตินั่นแหละคือสิ่งที่รัฐบาลนีจะต้องทำให้ได้ !!
โควิดคือสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ เลิกโทษประชาชน!!!!
.
เหมือนจะเป็นที่ฮือฮาเมื่อ CNN รายงานว่า ประเทศไทยเราจะเป็น 1 ใน 5 ประเทศจากทั่วโลกที่เปิดประเทศและประกาศนโยบาย “อยู่ร่วมกับโควิด-19” ซึ่งทั้ง 5 ประเทศนี้จะประกอบไปด้วย เดนมาร์ก , ไทย , สิงคโปร์ , แอฟริกาใต้ และ ชิลี ซึ่งเมื่อพิจารณาดูจำนวนผู้ติดเชื้อแล้วเราจะพบว่าใน 5 ประเทศนี้มีเพียงประเทศไทยเราเท่านั้นที่จำนวนยอดผู้ติดเชื้อยังพุ่งสูงถึงระดับหลักหมื่น (ยอดล่าสุดวันนี้คือมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 14,555 คน) อะไรคือความมั่นใจที่ทำให้ไทยเราหาญกล้าที่จะใช้นโยบายอยู่ร่วมกับโควิดแบบนี้!!
.
มาดูที่จำนวนผู้ได้รับวัคซีน สิ่งหนึ่งที่เราเห็นคือในรอบสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาเราสามารถฉีดวัคซีนต่อวันได้ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในช่วงวันธรรมดาเราฉีดได้ถึงวันละ 800,000 คน แต่อัตราฉีดเมื่อคิดเป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์ของคนที่ได้วัคซีนครบ 2 เข็มที่รายงานเมื่อวันที่ 13 กันยายนก็ยังเพิ่งจะมีแค่ 13% เท่านั้น คำถามที่ผมอยากจะถามและอยากให้ทุกคนๆช่วยกันคิดและช่วยกันสงสัยก็คือ รัฐบาลไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าเราจะไม่กลับไปประสบปัญหาอีกครั้งหลังจากเปิดประเทศ ในเมื่อจริงๆแล้ววัคซีนมันไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อ แต่มันป้องกันตาย ป้องกันอาการโคม่า และที่ผ่านมาประเทศเราเองก็มีปัญหาเรื่องของประสิทธิภาพของวัคซีนที่มันยังเป็นที่กังขา แต่เอาเป็นว่าผมก็ทำใจได้เรื่องว่าฉีดไปก่อนกันตาย
.
ส่วนตัวเนี่ย ผมเองไม่ค่อยเห็นด้วยกับนโยบายรัฐตอนล็อกดาวน์ปิดเมืองไปรอบที่ผ่านมาเลย สภาพที่เห็นคือมันแย่มาก จำนวนยอดคนติดไม่ได้ลดลงเลย พอมีปัญหารัฐบาลก็โทษแต่คนไม่ใส่หน้ากาก คนการ์ดตกไม่ระวังตัว แต่ในความเป็นจริง คนไทยกลัวโควิดกันแทบจะประสาทแล้วครับ ทุกคนระวังตัวเต็มที่ ยิ่งผู้ประกอบการเนี่ยส่วนมากไม่ต้องไปสงสัยหรือระแวงในการรักษาความปลอดภัยของเค้าเลย เค้าต้องทำมาหากิน เค้าไม่อยากมีปัญหาหรอก ปิดทีนึงเค้าเดือดร้อน รอบนี้ถ้าได้กลับมาเปิดประเทศจริงจัง ผมเองก็เห็นด้วย และยินดีที่จะออกมาใช้ชีวิตปกติโดยประพฤติตนในมาตรการเฝ้าระวังอย่างเต็มที่แน่นอน จริงๆมีคุณหมอท่านนึงออกมาพูดประมาณว่า ความเป็นจริงที่เราต้องยอมรับก็คือเราจะต้องอยู่กับโควิดให้ได้ สุดท้ายเราจะต้องอยู่กับมันแบบยอมรับความจริง และทุกๆคนก็จะต้องมีสิทธิที่จะติดโควิด แต่ติดแล้วเราจะต้องหายเองได้เหมือนเป็นไข้หวัดธรรมดา และทางออกที่จะช่วยได้คือ วัคซีนครับ
.
แต่การได้รับวัคซีนถ้วนหน้าและมีประสิทธิภาพต่างหากคือทางออกที่จะทำให้คนติดโควิดแล้วมีอาารเหมือนไข้หวัดและหายป่วยได้เอง นั่นคือความจริงที่เราควรจะได้เจอ ไม่ใช่การฉีดวัคซีนที่ยังเพิ่งจะได้แค่นี้แต่เราก็ยังจะเปิดประเทศ แต่เอาเถอะ มันยังพอมีเวลาที่เหลืออยู่อีกประมาณ 1 เดือนรัฐบาลจะระดมฉีดให้คนในประเทศทันไหม ส่วนตัวผมมองว่าต้องฉีดได้ถึง 100% ด้วยทุกคนต้องได้รับวัคซีนหมด และคนที่ได้รับวัคซีนที่ไม่มีประสิทธิภาพจะต้องได้รับการบูสเข็มสามในเวลาอันรวดเร็วด้วย!!
.
ในเวลานี้ สิ่งที่ต้องถามรัฐบาลอีกก็คือว่า รัฐบาลมีวัคซีนเตรียมไว้เพียงพอที่จะระดมฉีดประชาชนไปจนถึงวันเปิดประเทศได้เพียงพอไหม ประชาชนจะเข้าถึงวัคซีนได้โดยง่ายไหม ส่วนตัวผมเองไม่อยากเห็นภาพที่เกิดขึ้นหลังจากการเปิดประเทศคือคนกลับมาติดเป็นจำนวนมากและรัฐบาลก็ออกมาโทษประชาชนอีก เลิกโทษประชาชนได้แล้วครับ การทำให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตปกตินั่นแหละคือสิ่งที่รัฐบาลนีจะต้องทำให้ได้ !! ทุกอาชีกมีความสำคัญครับ ประเทศเราขับเคลื่อนด้วยผู้คนและคนที่ต้องทำมาหากินในทุกสาขาอาชีพ ประเทศเราไม่ได้มีความสำคัญแค่ นักการเมือง ทหาร คุณหมอ ข้าราชการ ครับ พนักงานบริการ ร้านอาหาร หรือแม้แต่คนทำงานกลางคืน นักร้อง เด็กเสริฟ นักดนตรี คนขายเหล้า เราอย่าทำให้คนเหล่านี้กลายเป็นคนชายขอบที่ถูกลืม คนทำงานหนึ่งคนมีคนอยู่ข้างหลังที่อยู่ที่บ้านต้องรออยู่ครับ ทุกคนต้องออกมาทำงาน ออกมาใช้ชีวิต ออกมาทำมาหากิน ออกมาหาเงิน เพื่อนำกลับไปใช้จ่าย เด็กนักเรียนจะต้องกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาปกติให้ได้เร็วที่สุด เพราะการศึกษาที่ล่าช้าจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศในอนาคตแน่นอน!!
.
และที่สำคัญ หาเงินแล้วก็เอามาจ่ายภาษีให้พวกท่านได้นำมาใช้เป็นงบประมาณสนองนโยบายที่ท่านเอามาบริหารประเทศจนล้มเหลวบ้าง ผิดพลาดบ้างอย่างทุกวันนี้ไงครับ !!

---